ต่อไปที่ ๒. วิริยพลัง คือกำลังความเพียรพยายาม นอกจากมีปัญญาแล้ว ต้องมีความเพียรพยายามด้วย ถ้ามีปัญญาแล้วมัวขี้เกียจเสีย เอาแต่มัวเมากินเสพบริโภค หรือติดจมอยู่ในอบายมุข ก็ไม่ไปไหนเหมือนกัน เพราะฉะนั้นต้องเดินหน้า ต้องมีความมุ่งมั่น เป็นคนที่ก้าวหน้า คนที่มีความเพียร ก็คือคนที่แกล้วกล้าเข้มแข็ง ใจสู้ ก้าวไปข้างหน้าเรื่อยไป วิริยะความเพียรจึงเป็นพลังสำคัญที่จะทำให้งานเดิน
อย่างน้อยจะทำงานทำการอะไรก็ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ทำงานเต็มตามหน้าที่เป็นอย่างต่ำ นี่เรียกว่าวิริยพลัง กำลังความเพียรพยายาม
๓. อนวัชชพลัง เป็นกำลังสำคัญอีกหนึ่ง เรียกว่ากำลังความสุจริต เช่นมือสะอาด จะทำงานทำการอะไรก็ไม่มีช่องให้ใครเอาไปเป็นจุดอ่อน ที่จะตำหนิติเตียนได้เป็นต้น ถ้าเราไม่มีช่อง ไม่มีความทุจริต ไม่มีแง่มุมที่เขาจะเอาไปตีแล้ว เราก็มีความมั่นใจในตัวเอง ทำงานได้เต็มที่
พลังข้อนี้ต้องสร้างไว้ ต้องเตรียมตัวไว้แต่ต้นว่า เราจะมีกำลังความสุจริต คนที่มีความสุจริต ก็มั่นใจตัวเอง และทำงานบุกได้เต็มที่
๔. สังคหพลัง คือกำลังการประสานร่วมมือบำเพ็ญประโยชน์ คือการช่วยเหลือกัน การเกื้อกูลผู้อื่น การมีความร่วมมือ สามัคคี การทำประโยชน์แก่สังคมประเทศชาติ งานของเรามักจะมีจุดหมายมุ่งไปที่ข้อที่ ๔ โดยที่ว่า ๓ ข้อต้นจะเป็นตัวผลักดันให้เราก้าวไปในข้อที่ ๔ ถ้าทำงานไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้ทำประโยชน์อะไร ก็จะมีพลังไม่สมบูรณ์ เพราะฉะนั้นพลังที่ ๔ จึงเป็นตัวที่มาคุมท้ายอีกทีให้ครบ
รวมความก็คือต้องมีพลัง ๔ ประการ ขอย้ำอีกทีว่า
เมื่อเราได้ ๔ ข้อนี้ และมีฐานที่ดีคือความเป็นอิสระอย่างเมื่อกี้ที่ว่า ไม่ถูกอะไรผูกมัด ไม่ติดไม่ห่วงเรื่องผลประโยชน์ เรื่องสถานะเป็นต้น ตอนนี้ ก็เดินหน้าได้เต็มที่ นี่คือคนมีพลัง