พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓๑ บัญญัติให้มีกระทรวงการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยให้มีการจัดระบบการบริหารและการจัดการศึกษาให้แล้วเสร็จ ไม่เกินวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๔๕ และกำหนดให้จัดตั้งสำนักงานปฏิรูปการศึกษาขึ้นทำหน้าที่ดังกล่าว ส่งผลให้มีการปรับหน่วยงานที่มีอยู่เดิมเข้าสู่โครงสร้างกระทรวงใหม่ดังกล่าว โดยยึดหลักเอกภาพด้านนโยบาย และหลากหลายการปฏิบัติ การกระจายอำนาจไปยังเขตพื้นที่การศึกษา และการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมทั้งสถาบันศาสนา โดยให้ครอบคลุมถึงภารกิจที่มีอยู่ และจัดให้เหมาะสมกับหน่วยงานตามหลักการดังกล่าว
การจัดระบบโครงสร้าง องค์กรการดำเนินงานด้านศาสนาได้ดำเนินการภายใต้หลักการที่กำหนด ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งเป็นส่วนราชการของรัฐมิได้ครอบคลุมและขัดต่อพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๓๕ แต่ประการใด ทั้งนี้ เพื่อให้ภารกิจเดิมทั้งหลายยังคงอยู่ การใดที่เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะสงฆ์การนั้นยังคงดำเนินการโดยคณะสงฆ์ดังเดิม อย่างไรก็ตามยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการจัดองค์กรคณะกรรมการและสำนักงานคณะกรรมการการศาสนาและวัฒนธรรม ซึ่งเป็นองค์กรที่กำหนดขึ้นรับผิดชอบงานแทนกรมการศาสนา
นับเป็นโอกาสดีที่คณะกรรมการบริหารสำนักงานปฏิรูปการศึกษาได้รับความกรุณาจากพระเดชพระคุณท่านพระธรรมปิฎกให้เข้ากราบนมัสการเพื่อสนทนาธรรมจากพระคุณท่าน เกี่ยวกับการจัดโครงสร้างองค์กรการดำเนินงานของส่วนราชการด้านพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๔๔ ณ วัดญาณเวศกวัน อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม และพระเดชพระคุณท่านได้กรุณาให้ข้อความเห็นอันเป็นประโยชน์ยิ่งต่อการดำเนินงานของสำนักงานปฏิรูปการศึกษา จึงได้ขออนุญาตพระเดชพระคุณท่านพระธรรมปิฎกเพื่อจัดพิมพ์เผยแพร่แก่พระภิกษุและพุทธศาสนิกชนทั่วไป
สำนักงานปฏิรูปการศึกษาจึงขอกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณท่านพระธรรมปิฎก ณ โอกาสนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้อ่านข้อสนทนานี้จะได้รับทราบและเข้าใจถึงข้อเท็จจริงของการปฏิรูปการศึกษาที่เกี่ยวกับการพระพุทธศาสนาได้ชัดเจนขึ้น
(นางสาวเจือจันทร์ จงสถิตอยู่)
เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปการศึกษา