ว่าถึงทิศทางการศึกษาของคณะสงฆ์ทั้งหมดนั้น ผมได้เห็นสภาพดินฟ้าอากาศวันนี้ ตอนเช้าเมฆครึ้มมัวมาก มีเค้าฝน ก็เลยนึกถึงสภาพการศึกษาของคณะสงฆ์ของเราว่า คล้ายๆ ดินฟ้าอากาศวันนี้ เมื่อตอนเช้า คือ พอตื่นขึ้นมา ก็เห็นครึ้มฟ้าครึ้มฝน สภาพที่ครึ้มฝน มีเมฆมาก มันก็ค่อนข้างมัวหน่อย ไม่สดใส ไม่สว่างจ้า ไม่โปร่งแจ้ง มันไม่โล่งไป การศึกษาของพระสงฆ์เราก็คล้ายๆ กับว่าตกอยู่ในสภาพอากาศเช่นนี้ นอกจากนั้น หลายท่านก็อาจจะรู้สึกว่า เมื่อครึ้มมัวสลัวแล้ว ก็อาจจะง่วงเหงาหาวนอนและซึมเซาด้วย พอง่วงเหงาหาวนอนซึมๆ แล้ว ก็อยากจะหลับ ซึ่งอาจจะคล้ายๆ กับสภาพการศึกษาของคณะสงฆ์ที่ครึ้มๆ เพลินๆ ทำให้เกิดเป็นภาวะที่เรียกว่าเฉื่อยชาขึ้นมาได้มาก อันนี้ก็เป็นสภาพที่เราพอจะมองเห็นกันอยู่ อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางออกเสียเลย ในสภาพดินฟ้าอากาศอย่างนั้น บางทีก็มีแสงแดดทะลุลงมาในช่องเมฆ แม้จะเป็นจุดเป็นหย่อม ก็ให้แสงแดดจ้าพอมองสว่างขึ้นมาได้ การเปิดการศึกษาระดับปริญญาโทนี้ ก็อาจจะเป็นเหมือนแสงแดดลำหนึ่งที่ฉายพวยพุ่งผ่านช่องเมฆลงมา นับว่าเป็นนิมิตที่ดี อีกอย่างหนึ่ง ดินฟ้าอากาศที่ว่ามืดมัวเมื่อตอนเช้านั้น พอสายหรือบ่ายก็เปลี่ยนไป อย่างผมนั่งมาตามทางเมื่อกี้นี้ ก็ปรากฏว่า เมฆหมอกนี้ลดน้อยลงไป พระอาทิตย์ได้โอกาสฉายแสงลงมา ก็สว่างจ้ากลายเป็นร้อนไปด้วยซ้ำ ดังนั้น เมื่อวันเวลาผ่านไป แสงสว่างก็อาจจะเกิดขึ้น ความโล่งแจ้งก็อาจจะมาถึง เราก็จะเดินทางไปได้ ด้วยเหตุนี้ ความหวังในเรื่องทิศทางการศึกษาของคณะสงฆ์ ก็ยังเป็นสิ่งที่มีอยู่
อย่างไรก็ตาม การที่เราจะมองเห็นทิศทางนั้น เราจะต้องรู้สภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเสียก่อน การที่เราจะเข้าใจ มองเห็นทิศทางที่จะเดินต่อไปได้อย่างชัดเจน เราจะต้องเข้าใจสภาพที่เราเป็นอยู่ในบัดนี้ว่าเป็นอย่างไร อีกอย่างหนึ่ง เมื่อพูดถึงทิศทางการศึกษานั้น ก็พูดได้ ๒ แง่ คือ ทิศทางที่จะเป็น กับทิศทางที่ควรจะเป็น แต่ไม่ว่าจะพูดในแง่ไหน ก็ต้องรู้สภาพปัจจุบันทั้งสิ้น ถ้าจะพิจารณาในแง่ที่ว่าทิศทางนั้น จะเป็นอย่างไร เราก็ดูจากสภาพปัจจุบัน ซึ่งก็จะส่องต่อไปว่า อนาคตมีความโน้มเอียงที่จะเป็นอย่างนั้น ต่อจากนั้น ถ้าเราไม่มีความคิด เราก็อาจจะปล่อยว่า มันจะเป็นอย่างไรก็ให้มันเป็นไปในทิศทางที่มันจะเป็น แต่ถ้าเรามีความคิดของเราขึ้นมา เราก็อาจจะทำการวางแผนว่า มันควรจะเป็นอย่างไร แล้วก็พยายามสร้างเหตุสร้างปัจจัย เพื่อให้มันเป็นไปในทิศทางอย่างนั้น แต่จุดเริ่มต้น ก็อย่างที่ว่าเมื่อกี้ คือจะต้องรู้สภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเสียก่อน
ทีนี้ สภาพปัจจุบันของการศึกษาของคณะสงฆ์นั้น เมื่อพูดขึ้นมา ก็มักจะเป็นสภาพปัญหา คือมีปัญหามากมายเหลือเกิน เรื่องทิศทางการศึกษาของเรา พอเจอสภาพแบบนี้ ก็เลยกลายเป็นทิศทางของการแก้ปัญหา
ทิศทางนั้น มี ๒ อย่าง คือ ทิศทางที่เป็นไปในด้านลบ คือการแก้ปัญหา กับทิศทางในด้านบวก คือทิศทางในการสร้างสรรค์ ถ้าในสภาพปัจจุบันเรามีปัญหามาก เราก็มองเห็นอนาคตของเราได้ว่า ทิศทางของเราจะเต็มไปด้วยการแก้ปัญหา เมื่อกี้นี้ได้บอกแล้วว่า สภาพปัจจุบันของเรา ในทางการศึกษาปรากฏว่า มีปัญหามากมาย ซึ่งไม่สามารถนำมาพูดบรรยายในที่นี้ได้ ก็จะขอสรุปสภาพปัจจุบันบางอย่างที่เรียกว่าเป็นหัวข้อใหญ่ใจความมา เป็นจุดตั้งต้นก่อน เพื่อให้มองเห็นทิศทางของการศึกษา ทั้งที่จะเป็นและทั้งที่ควรจะเป็น