ขอนมัสการท่านพระเถรานุเถระ สหธรรมิก ที่เคารพนับถือ
ขออำนวยพร ท่านอุปนายกพุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของสมาคมทุกท่าน และท่านสาธุชนผู้ใฝ่ธรรมทั้งหลาย
อาตมภาพรู้สึกเป็นสิริมงคล ที่ได้มีโอกาสมาแสดงธรรมกถาในที่ประชุมนี้ เพราะมาพูดในสถานที่ที่มีกิจการอันเนื่องด้วยพระศาสนา และมาพูดในเรื่องธรรมอันเป็นเรื่องสิริมงคล
สำหรับหัวข้อที่ท่านตั้งให้พูดคือเรื่องกรรมนี้ จะพูดในแง่ไหนก็ตาม ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นที่เข้าใจในหมู่พุทธศาสนิกชนอยู่ทั่วไปแล้วว่า กรรมเป็นหลักใหญ่ของพระพุทธศาสนา
ความจริงหลักธรรมใหญ่มีอยู่หลายหลัก เช่น เรื่องอริยสัจจ์ เรื่องปฏิจจสมุปบาท และเรื่องไตรลักษณ์ เป็นต้น ธรรมะแต่ละข้อๆ เหล่านั้น ล้วนแต่เป็นหลักใหญ่ หลักสำคัญทั้งสิ้น แต่สำหรับหลักกรรมนี้ ประชาชนทั่วไปมีความรู้สึกว่าเกี่ยวข้องกับชีวิตของตนเองใกล้ชิดมาก เพราะฉะนั้น ความคุ้นเคยกับคำว่ากรรมนี้ ก็อาจจะมีมากกว่าหลักธรรมอื่นๆ
เป็นอันรวมความในที่นี้ว่า กรรมเป็นหลักธรรมสำคัญ และเป็นเรื่องที่พุทธศาสนิกชนสนใจมาก กับทั้งเป็นเรื่องที่มีความข้องใจกันอยู่มากด้วย ที่ข้องใจนั้นก็เกิดจากความที่ยังคลางแคลงสงสัยในแง่มุมต่างๆ ไม่เข้าใจชัดเจน
เหตุที่หลักกรรมเป็นปัญหาแก่เรามากนั้น ไม่ใช่เพราะเป็นหลักธรรมใหญ่หรือสำคัญอย่างเดียว แต่เป็นเพราะได้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนและสับสนเกิดขึ้นพอกพูนต่อๆ กันมา เพราะฉะนั้น ในการทำความเข้าใจเรื่องกรรม นอกจากจะทำความเข้าใจในตัวหลักเองแล้ว ยังมีปัญหาเพิ่มขึ้น คือจะต้องแก้ความเข้าใจคลาดเคลื่อนสับสนในเรื่องกรรมนั้นด้วย
เนื่องจากเหตุผลที่กล่าวมา อาตมภาพจึงรู้สึกว่า ในการพูดทำความเข้าใจเรื่องกรรมนั้น ถ้าเราแก้ความเข้าใจคลาดเคลื่อนสับสนออกไปเสียก่อน อาจจะทำให้ความเข้าใจง่ายขึ้น คล้ายกับว่าหลักกรรมนี้ไม่มีเฉพาะตัวหลักเองเท่านั้น แต่มีของอะไรอื่นมาปิดบังเคลือบคลุมอีกชั้นหนึ่งด้วย ถ้าเราจะทำความเข้าใจเนื้อใน เราจะต้องเปลื้องสิ่งที่ปิดบังนี้ออกไปเสียก่อน